ระหว่าง วันที่ ๙-๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เดินทางไปตรวจเยี่ยมและปฏิบัติภารกิจที่สาธารณรัฐเกาหลี เกี่ยวกับการหาแนวทางการคุ้มครองส่งเสริมขยายตลาดแรงงานไทยกับผู้ประกอบการ เกาหลี หารือแนวทางการคืนเงินสะสมเลี้ยงชีพกับสำนักงานประกันสุขภาพเกาหลี ตลอดจนประชุมหารือแนวทางการจ้างแรงงานไทยกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาด ย่อมของเกาหลี
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังจะได้ลงนามบันทึกความเข้าใจฉบับ ใหม่ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเกาหลี เนื่องจากการลงนามที่ผ่านมาในอดีตจำนวน ๒ ครั้ง สิ้นสุดอายุในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๑ แต่เนื่องจากบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ยังไม่แล้วเสร็จ แต่เพื่อมิให้กระทบต่อการดำเนินการจัดส่งคนหางานไปทำงาน อธิบดีของทั้งสองฝ่ายจึงได้ลงนามต่ออายุการบังคับใช้บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับเดิมออกไปถึงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒
สำหรับสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่อง ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ระบุหน่วยงานเกาหลีที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการดำเนินการสอบความสามารถ ภาษาเกาหลีเพื่อการคัดเลือกคนหางาน และยังระบุหน้าที่ของฝ่ายไทยในการดำเนินการสอบความสามารถภาษาเกาหลี (EPS-KLT) รวมถึงการยกเว้นภาษีศุลกากร และการอำนวยความสะดวกในการผ่านพิธีการศุลกากรสำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่นำเข้ามา ประเทศไทยเพื่อใช้ในการสอบความสามารถภาษาเกาหลี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจนี้จะเกิดประโยชน์ต่อแรงงานไทยคือ เป็นการจัดหางานให้ประชาชนได้มีงานทำในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันตลาดแรงงานเกาหลีเป็นที่นิยมของคนหางานไทยจำนวนมาก เนื่องจากเสียค่าใช้จ่ายน้อยเท่าที่จำเป็น ในการเดินทางไปทำงานสามารถอยู่ทำงานได้ถึง ๓ ปี และหากนายจ้างเดิมยังต้องการจ้างต่อก็สามารถทำงานต่อไปได้โดยการต่อสัญญาปี ต่อปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยด้วยว่า ในการเปิดรับสมัครทดสอบความสามารถภาษาเกาหลีเพื่อคัดเลือกในการจัดส่งไปทำ งานแต่ละครั้งจะมีผู้สนใจสมัครสอบประมาณ ๓๐,๐๐๐ คน หากมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับใหม่ ประเทศไทยจะได้รับการจัดสรรโควตาในการจัดส่งคนงานไทยไปทำงานในสาธารณรัฐ เกาหลีจำนวน ๑๐,๐๐๐ คน และยังจะเกิดประโยชน์ในด้านการจัดส่งคนหางานไปทำงานตามระบบการจ้างแรงงาน ต่างชาติมีความต่อเนื่องจากการดำเนินการตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ทำให้จำนวนคนหางานมีโอกาสเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่า บริการจัดหางานมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงานภายในประเทศได้ด้วย
สุดท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้จัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลีตามพันธะบันทึก ความเข้าใจกับกระทรวงแรงงานเกาหลีมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนถึงปัจจุบันรวม ๒๓,๘๐๘ คน ซึ่งแรงงานไทยเหล่านี้ได้ทำให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากรายได้ส่งกลับ ประเทศราวประมาณเดือนละ ๖๔๕.๖ ล้านบาท หรือปีละประมาณ ๗,๗๔๘ ล้านบาท ซึ่งคิดจากค่าจ้างตามสัญญาเฉลี่ยประมาณคนละ ๒๗,๑๒๐ บาทต่อเดือน